วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

น้ำพริกลงเรือ




เหตุเกิดเมื่อล้นเกล้ารัชการที่ห้าเสด็จประพาสต่างจังหวัด แต่เนื่องจากการเดินทางนั้นยาวนานกว่าที่ได้กะกันไว้ทำให้อาหารหมด เหลือแต่อย่างละนิดละหน่อย มีกะปินิ้ดสละนิ้ดและหลายๆอย่างอย่างละนิดละหน่อยไม่พอจะทำเป็นอาหารจานปกติได้
เจ้าจอมสดับ ซึ่งมีฝีมือในการทำอาหาร (ตำหนักพระวิมาดามีหน้าที่ทำเครื่องต้นอยู่แล้ว)จึงได้ทำ น้ำพริกลงเรือ ขึ้น โดยเอาอาหารอย่างละนิดละหน่อยมาทำ เช่นหมูหวาน ปลาฟู ส้มซ่า สละ กะปิ ไข่เค็มดิบ(น้ำพริกลงเรือจริงๆจึงไม่เหมือนตามหนังสืออาหารทั่วไป) ครั้นรัชการที่ห้าเสด็จถึงพระนครแล้ว ก็โปรดอยากเสวยอีกแต่ไม่ทรงทราบว่าชื่อว่าอาหารอะไร จึงตรัสว่า อยากเสวยน้ำพริกอย่างที่ลงเรือวันนั้น ก็เลยได้ชื่อว่า น้ำพริกลงเรือ ตั้งแต่นั้นมา
น้ำพริกลงเรือเป็น น้ำพริกที่ได้รสเปรี้ยว หอมอร่อยจากมะอึกและน้ำมะนาว หวานจากน้ำตาลปี๊บ และเค็มจากน้ำปลา เหมือนกับน้ำพริกรสเด็ดของไทยทั่วๆไป แต่สูตรนี้รสจะเข้มข้นขึ้น เพราะตำไข่ขาวของไข่เค็มลงไปด้วย เมื่อนำไปผัดรสจะอร่ยเข้มข้นขึ้น และเก็บไว้รับประทานได้นาน รวมทั้งนำไปผัดข้าวเป็นอาหารมื้อกลางวันได้อย่างไม่ยุ่งยาก นอกจากรับประทานกับผักสด ยอดอ่อนหรือดอกที่มีวิตามินสูงแล้ว ยังมีเครื่องเคียงที่ทำให้อร่อยขึ้นอีก เช่น ไข่เค็ม ปลาดุกฟู และเห็ดหวานแทนหมูหวาน
วิธีทำหมูหวาน นำเนื้อหมูติดมันหรือหมูสามชั้น 300 กรัมมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/ 2 เซนติเมตร ยาว 2 นิ้ว จากนั้น ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะลงไป คนจนน้ำตาลเป็นสีเข้ม ใส่น้ำ 1 ถ้วย พอน้ำเดือดจึงใส่หมู แล้วเติมน้ำตาลปีบอีก 2 ช้อนโต๊ะ ใส่เกลือ 1/ 4 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ และหัวหอมแดงซอย 1/ 2 ถ้วย เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนเหลือน้ำขลุกขลิก ชิมรสดู ขาดรสใดเติมได้ตามชอบ ใช้เสิร์ฟพร้อมน้ำพริก
วิธีทำ
เวลาจะทำข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ก็โขลกน้ำพริกลงเรือตามสูตรข้างบนเสียก่อน พอตำน้ำพริกเสร็จแล้ว เราก็เอาข้าวสวยที่หุงเสร็จแล้ว (หุงให้แข็งสักหน่อย และข้าวควรจะเย็น อย่าใช้ข้าวร้อน) มาคลุกกับน้ำพริก ใช้ข้าวสวย 1 ถ้วยต่อน้ำพริกสัก 1 - 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปผัดกับน้ำมัน ผัดเร็วๆ พอหอม อย่าผัดนานจะไม่อร่อย เสร็จแล้วก็นำมาจัดใส่จาน รับประทานกับผักสดต่าง ๆ หมูหวาน ปลาดุกฟู และไข่เค็ม
เครื่องปรุงสำหรับน้ำพริกลงเรือ
กระเทียมปอกเปลือก 20 กรัม
กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
มะดันซอย 5 ผล
ระกำหั่นบาง ๆ 5 ผล
มะอึกขูดขนออกแล้วหั่นบาง ๆ 5 ผล
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูหรือพริกเหลืองหั่นบาง ๆ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งอย่างดีโขลกละเอียด 1/ 2 ถ้วย
น้ำตาลปีบ 4 - 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน 1/ 2 ถ้วย
ไข่เค็ม 1 ฟอง
ปลาดุกฟูกรอบ 1 /2 ถ้วย
วิธีทำ
1. โขลกกระเทียม กะปิ ให้ละเอียด ใส่มะดันซอย โขลกให้ละเอียด ใส่ระกำ มะอึก โขลกให้เข้ากันดี ใส่พริก บุบพอแตก ใส่น้ำตาล
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟ ใส่น้ำพริกลงผัด ใส่กุ้งแห้งและหมูหวาน ผัดให้เขากัน ชิมให้ออก 3 รส (เปรี้ยว เค็ม หวาน)
3. การจัดน้ำพริก ตักน้ำพริกใส่ถ้วย ปั้นไข่แดงไข่เค็มเป็นก้อนเล็ก ๆ โรยหน้า แนมด้วยหมูหวานและปลาดุกฟู รับประทานกับผักดิบ เช่น แตงกวา กะหล่ำปลีดิบ (อย่าทานเยอะ ร่างกายจะดูดซึมไอโอดีนไม่ดี) หน่อไม้รวกลวกแล้ว ถั่วฝักยาว ใบมะกอก และสารพัดมะเขือ

ไม่มีความคิดเห็น: