วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์รสเอซเปรสโซ่กับ "นรสิงห์" กาแฟสถานแห่งแรกของเมืองไทย






ทุกวันนี้ วัฒนธรรมการดื่มกาแฟไหลบ่าสู่ประเทศไทย สังคมไทยเปิดร้านร้านกาแฟเฟรนไชส์มากมายหลายแบรนด์จากหลายประเทศ  "ร้านกาแฟ" กลายเป็นความฝันของ คนรุ่นใหม่จำนวนมาก ที่อยากเป็นเจ้าของ เป็นปลายทางฝันในรูปแบบชีวิตช้าๆ ที่เต็มไปด้วยความหอมหวนเข้มข้นท่ามกลางกระแสความรีบเร่งของชีวิตในยุคนี้ สำหรับคอกาแฟ การได้ดื่มรสชาติถูกลิ้นกับการดื่มด่ำกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ถือเป็นความสุข แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบคือ ประวัติศาสตร์ในถ้วยกาแฟ ว่าแห่งแรกในสยามนั้น คือร้านใดและอยู่ที่ไหน

ย้อนหลังกลับไปในแผ่นดินพระมหาธีรราชเจ้า (พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 ) แผ่นดินสยามรุ่งเรืองเฟื่องฟูด้วยวัฒนธรรมตะวันตก ด้วยเพราะพระเจ้าแผ่นดินเคยถูกสมเด็จพระบรมราชชนกนาถ (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5) ส่งไปศึกษา ณ ทวีปยุโรป โดยทรงศึกษาวิชาทหารที่โรงเรียนนายร้อยแซนเฮิร์สและทรงศึกษาวิชาพลเรือนในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด



ครั้นเมื่อทรงกลับมา ได้นำวัฒนธรรมตะวันตกติดมาใช้ในราชสำนักไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นธรรมเนียมที่ไม่แต่งงานกับพี่น้องวงศ์วานว่านเครือ หรือพระอุปนิสัยที่ทรงโปรดการละคร วรรณกรรม และวรรณคดีตะวันตกที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพพระราชนิพนธ์แปลเอาไว้อย่างสละสลวยงดงาม จนกลายเป็น “ชิ้นเอก” ประดับวงการบรรณพิภพตราบทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น พระราชนิพนธ์แปล “โรเมโอและจูเลียต” หรือ “เวนิสวาณิช” เป็นต้น



นอกจากนี้ยังนำระบบฝึกหัดเด็กและยุวชนชายที่เรียกว่า “ลูกเสือ” ที่ “ลอร์ดเบเดน พาเวล” เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาใช้กับประเทศสยามอีกด้วย โดยโปรดให้ตั้ง “กองเสือป่า-ม้าหลวง” ขึ้น และโปรดให้ใช้ลานกว้างบริเวณถนนศรีอยุธยา ริมลานพระบรมรูปทรงม้า(ปัจจุบันคือสนามหน้ากองทัพภาคที่1) โปรดให้เป็นที่ฝึกซ้อมของบรรดาเสือป่าทั้งหลาย ทำให้สนามนั้นถูกเรียกว่า “สนามเสือป่า” มาจนถึงบัดนี้


สำหรับคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์ในระยะดังกล่าว มักจะพบชื่อของ “พลเอก พลเรือเอก มหาเสวกเอก เจ้าพระยารามราฆพ” หรือ หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ซึ่งเป็นคนหนุ่มอนาคตไกล รับราชการและเติบโตเร็วมาก เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีตำแหน่งสูงยิ่ง


เจ้าคุณรามฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เปิดกิจการแห่งแรกในสยามหลายแห่ง อาทิ กิจการถ่ายภาพซึ่งเดิมเคยเป็นงานอดิเรกของพระบรมราชวงศ์ ประชาชนไม่มีโอกาสได้ถ่ายภาพ เจ้าคุณรามฯ ก็ได้รับพระบรมราชานุญาตเปิดห้องภาพเป็นรายแรกของสยาม โดยใช้ชื่อว่า “ห้องภาพฉายานรสิงห์”



ย้อนกลับมาถึงวัฒนธรรมกาแฟในบ้านเราเสียหน่อย ในความเป็นจริงแล้วชาวสยามรับเมล็ดกาแฟเข้ามานานแล้ว และมีหลักฐานว่า มีการดื่มกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ทำให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ของใหม่นัก ร้านที่น้ำเข้าเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดคือ “ร้านกาแฟตุงฮู” ย่านสีลม เปิดบริการมากว่าร้อยปีแล้ว โดยนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบเข้ามาทางเรือ และใช้ประสบการณ์สามชั่วรุ่นที่สะสมมา คั่วกาแฟเองตามสูตรลับเฉพาะของตระกูล และนอกจากนี้ “ตุงฮู” ยังได้นำเข้าอาหารจากตะวันตก จำพวก ขาแฮม เนย ครีม ปลาแฮริ่ง ถั่วสวีตพีกระป๋อง นม (นึกภาพฟู้ดแลนด์ในปัจจุบันประกอบ) แถมมี “ดิลิเวอรี่” หรือบริการส่งถึงที่ ไปยังบ้านคหบดีและสถานฑูตประเทศต่างๆ และด้วยมนต์เสน่ห์ของกาแฟจากกรรรมวิธีคั่วของร้านตุงฮูนี่เอง ทำให้เมล็ดกาแฟตุงฮู ครองใจคนสยามทุกชนชั้นมานานแสนนาน



กลับไปที่สนามเสือป่าบ้าง ในยุคนั้นใครมีบุตรหลานที่อายุยังไม่ถึงทหาร หรือสนใจด้านเสือป่าม้าหลวงที่ฝึกเบากว่าทหาร ก็จะนำบุตรหลานมาถวายตัวกับพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรับราชการในกองเสือป่าม้าหลวง ทำให้มีกุลบุตรรุ่นๆ จากครอบครัวผู้ดีมีสกุลจำนวนมาก ที่เข้ารับราชการกรมกองดังกล่าว



พลเอก พลเรือเอก มหาเสวกเอก เจ้าพระยารามราฆพ มีความต้องการอยากเปิดร้านกาแฟแบบตะวันตกที่เรียกว่า “คาเฟ่” จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เปิด “คาเฟ เดอ นรสิงห์” เป็นที่พักผ่อนสำราญและดื่มกินของคนหนุ่มจากกองเสือป่าม้าหลวงทั้งหลาย และแน่นอนว่า ใช้เมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย คือ “เมล็ดกาแฟตุงฮู”



ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ.2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ร้านคาเฟเดอนรสิงห์หรือร้านกาแฟนรสิงห์ที่สนามเสือป่าก็ปิดตัวลง ต่อมาได้มีการเปิดใหม่อีกครั้ง โดยปรับเปลี่ยน “ห้องรอเฝ้า” หน้าพระตำหนักพิมานจักรี ภายในดุสิตธานี พระราชวังพญาไท ที่ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันงดงามสไตล์ไบเซนไทน์ที่ได้รับอารยธรรมอันอ่อนช้อยแปลกตาจากพวกมัวร์ เป็นแบบหลักของอาคาร มาเป็น “ร้านกาแฟนรสิงห์” อย่างในปัจจุบัน


ไอน์สไตน์น้อยเป็นคอกาแฟครับ ดังนั้นกาแฟสถานแห่งแรกในสยามก็ไม่พลาด เมื่อราวๆ สามปีที่แล้วเคยไปเยือน "นรสิงห์" ในวันฝนตก บรรยากาศดีมากครับ ดื่มกาแฟเสร็จก็เดินชมวังพญาไท ที่ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระมงกุฏฯ ด้วยความรู้สึกผูกพันกับที่นี่เป็นพิเศษเนื่องจากอุแว้ที่นี่ครับ ได้ทั้งความรู้ ได้ชมของสวยๆ งามๆ ได้ซึบซับประวัติศาสตร์อันน่าหลงใหล ได้ชิมกาแฟหอมกรุ่น ถ้าสุดสัปดาห์นี้ใครว่าง ไปลองชม ลองชิม แล้วคุณจะหลงรัก

ไม่มีความคิดเห็น: