วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ตำนานกาแฟ ตอน สาระน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟ






กาแฟ เป็นภาษาที่มาจากชื่อเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ ้ของประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งสมัยนั้นชื่อ เมืองอบิสซีเนีย เชื่อกันว่า เป็นดินแดนต้นกำเนิด ของต้นกาแฟ หลังจากนั้นได้ถูกนำ มาปลูก ในตอนใต้ของอาระเบีย นับเป็นเวลา 500 ปีมาแล้ว

ชื่อกาแฟได้ถูกเรียกไปตามภาษาต่างๆ ดังนี้
ภาษาจีน เรียกว่า "เคเฟ"
ภาษาเดนมาร์ค,สวิดิช เรียกว่า "แคฟเฟ"
ภาษาดัชท์ เรียกว่า "คอฟเฟีย"
ภาษาฟินนิส เรียกว่า "เคฟฟี"
ฝรั่งเศส,สเปน,โปรตุเกส เรียกว่า "คาเฟ"
เยอรมนี เรียกว่า "โคฟฟี"
กรีก เรียกว่า "เคฟี"
ฮังการี เรียกว่า คาฟี
อิตาเลียน เรียกว่า "เคฟฟี"
ญี่ปุ่น เรียกว่า "โคฮิ"
ลาติน เรียกว่า "คอฟเฟีย"
เปอร์เซีย เรียกว่า "เคฟี"
โปแลนด์ เรียกว่า "เคฟา"
รูมาเนีย เรียกว่า "เคฟเฟีย"
รัสเซีย เรียกว่า "โคเฟ"
ตุรกี เรียกว่า "เคฟเวฟ"

ในช่วงแรกๆ ของประเทศยุโรป ระหว่าง ศตวรรษที่ 16, 17 ในลักษณะของเครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์ Coffee House แห่งแรกเกิด ณ. กรุงลอนดอน จึงเป็นศูนย์กลางของสมาชิกการเมืองในเมืองไทยเรียก “สภากาแฟ”

จากการวิจัยในปัจจุบันพบว่า กาแฟนั้นมีคุณสมบัติ ที่ทางการแพทย์พบว่า เครื่องดื่มประเภทน้ำชากาแฟ เป็น เครื่องดื่ม ที่ไม่มีประโยชน ์เพราะสารคาเฟอีน ใน ชา กาแฟมีผลเสพติดอ่อนๆคือดื่มแล้วจะติด พอเวลา ไม่ได้ดื่มจะหงุดหงิด มือสั่น ใจสั่น สารคาเฟอีนนี้มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ซึ่งนอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสม ของยาประเภท ลดไข้บรรเทาปวดอีกด้วย ผู้ที่ได้รับคาเฟอีนมากเท่าไร ผลร้ายที่มีต่อร่างกายก็มีมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ แล้วกระจายไป ตามอวัยวะ ต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ตับ ปอด กล้ามเนื้อต่างๆ และระบบประสาทส่วนกลาง ร่างกายจะใช้เวลากว่า
48 ชั่วโมง ในการสลายคาเฟอีน ถ้าร่างกายได้รับ คาเฟอีนจำนวนสูงประมาณ 3,000 - 10,000 มิลลิกรัม จะทำให้ตายในระยะอันสั้นได้

การดื่มกาแฟประมาณ 1/2 - 2 1/2 ถ้วย (50 - 200 มิลลิกรัม) ลดความเมื่อยล้าได้ประมาณครึ่งวัน หรือ ดื่มกาแฟขนาด 3 - 7 ถ้วย (200 - 500 มิลลิกรัม) ทำให้มือสั่น กระวนกระวายโกรธง่าย และปวดศรีษะ มีผลต่อหัวใจและเส้นเลือดคลายตัวหรือบีบรัดมากขึ้นเป็นบางแห่ง กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ อาจเพิ่มลดอัตราการ เต้นของหัวใจ อันตรายต่อผู้ป่วยที่ดื่มกาแฟมากๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นหย่อมๆ คาเฟอีนมีผล ทำให้ น้ำตาลในเลือดสูง ไตรกลีเซอร์ไรด์สูงกรดไขมันอิสระสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีไขมัน ในเลือดสูง ฤทธิ์ของคาเฟอีนเพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะ จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตไม่ทำงาน

สำหรับสตรีมีครรภ์นั้นไม่ควรดื่ม ชา กาแฟ โดยเด็ดขาด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าคนเราควรได้รับคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับประมาณ 2 ถ้วย ( คือ กาแฟ 1 ถ้วย ใส่ผงกาแฟสำเร็จรูป 2 ช้อนชา น้ำประมาณ 1 ถ้วย)

เวลาที่เหมาะสมจะดื่มชากาแฟนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน บางคนดื่มตอนเช้า เพื่อให้ ลำไส ้กระปรี้กระเปร่า ถ่ายสะดวก แต่จะทำให้หิวเร็วกว่าปกติ เพราะกาแฟจะกระตุ้น การหลั่ง ของน้ำย่อย เพราะฉะนั้นไม่ควรดื่มกาแฟแทนอาหารเช้า และ หันมาดื่มนมแทนจะดีกว่า ถ้าคนที่นอนหลับยาก หรือมี ภาระกิจต้องตื่นแต่เช้า ก็ไม่ควรดื่มกาแฟหลังอาหารเย็นวันนั้น

จากรายงานของคณะเภสัช มหาวิทยาลัยเยล ที่ตีพิมพ์ในวารสาร คลินิกเอนโดคริโนโลยี แอนด์ เมตาโบลิซึ่ม มิถุนายน 2543 แจ้งว่า จากการทดลอง กับกลุ่มอาสาสมัคร 20 คน ที่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟหลอก เป็นเวลา 90 นาที ก่อนมีการใช้แรงกาย พบว่าระดับกล้ามเนื้อไกลโคเจน ที่ใช้วัดการสะสมพลังงานนั้น มีระดับเท่ากันทั้งสองกลุ่ม และในกลุ่มที่ดื่มกาแฟแสดงว่า มีระดับของแลคเตท ที่ใช้วัดความล้าของกล้ามเนื้อ อยู่ในระดับสูงกว่าอีกกลุ่ม

สำหรับกลุ่มที่ดื่มกาแฟนั้น ผลยังแสดงถึงระดับคอร์ติซอลและเอนโดร์ฟินส์ที่สูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง โดยคอร์ติซอลนั้นเป็นฮอร์โมนต้านความเครียด ส่วนเอนโดร์ฟินส์เป็นสารระงับความเจ็บปวด ที่ร่างกายหลั่งออกมาตามธรรมชาติ แต่ในกลุ่มที่ได้ดื่มกาแฟหลอกนั้น ผลปรากฏว่าระดับคอร์ติซอล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนเอนโดร์ฟินไม่เพิ่มขึ้นเลย 

ไม่มีความคิดเห็น: