วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

“เอี๊ยะแซ” กับวันวานของตำนานกาแฟไทย




ร้านขายกาแฟสมัยก่อน ..... มีลักษณะเหมือนร้านขายน้ำ พบเห็นได้ทั่วไปตามแหล่งชุมชน เช้าๆผู้คนมักนิยมไปนั่งจิบกาแฟร้อนๆกลิ่นหอมกรุ่นกับปาท่องโก๋ พร้อมทั้งนั่งมองดูชีวิตของคนที่ผ่านไปมา ยามบ่าย เหล่าผู้คนทำงานที่เหนื่อยอ่อนต่างแวะพักผ่อนหากาแฟเย็นๆ ดื่ม เพื่อเรียกความชื่นใจระหว่างวัน นอกจากนี้ร้านกาแฟยังเป็นสถานที่นัดหมาย พบปะ พูดคุยสนทนาเรื่องราวต่างๆ หรือที่เราเรียกกันว่า “สภากาแฟ” ... ต่อมา เริ่มมีกิจการรถเข็นขายกาแฟ จอดขายประจำตามรายทาง หรือเข็นขายผ่านตามหน้าบ้านในย่านชุมชน ซึ่งรถเข็นขายกาแฟนี้เองที่ต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ กาแฟโบราณ ไป แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีชื่อร้าน ไม่มีแบรนด์เนม ชาวบ้านมักเรียกขานรถเข็นกาแฟเจ้าเสน่ห์เหล่านี้ตามชื่อของคนที่ขาย ... ถัดจากยุครถเข็นขายกาแฟ ก็เริ่มมีร้านขายกาแฟอย่างจริงจัง มีชื่อร้าน มีป้ายหน้าร้าน และร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดจนกลายเป็นตำนานกาแฟโบราณของเมืองไทย รู้จักคุ้นเคยกันดีในนามของร้านกาแฟ “เอี๊ยะแซ” ... ร้านกาแฟเอี๊ยะแซมีความเป็นมายาวนานเกือบ 80 ปี จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นรถเข็นขายกาแฟอยู่ที่เยาวราช ถนนมังกร จนทุกวันนี้ขยายกิจการออกไปทั่วกรุงเทพฯไม่เว้นแม้แต่สยามสแควร์ แหล่งศูนย์กลางการชอปปิ้งของวัยรุ่น

 
จุดเด่นที่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ร้านเอี๊ยะแซได้รับความนิยม ..... คือ กลิ่นกาแฟแบบโบราณที่หอมกรุ่นด้วยกรรมวิธีการคั่วแบบไหหลำ รสชาติที่อร่อยละมุน และราคาไม่แพงเหมือนกับกาแฟร้านอื่น อีกทั้งบรรยากาศ และการบริการที่เป็นกันเอง ทำให้ตำนานร้านเอี๊ยะแซเป็นที่กล่าวขานกันเรื่อยมา ... มาถึงวันนี้ เอี๊ยะแซได้เข้าสู่ยุคของทายาทรุ่นที่ 4 คุณปริญญา ทองวิริยะกุล ลูกชายของคุณประยุทธ์ ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ เสน่ห์ของเอี๊ยะแซในยุคนี้จึงเป็นเสน่ห์แบบร่วมสมัย ขยายสาขาเกิดเป็น “เอี๊ยะแซ พลัส” บุกย่านวัยรุ่นอย่างเซ็นเตอร์พอยท์ และภายในธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไป โดยเจาะกลุ่มวัยรุ่น และคนทำงานออฟฟิศ ด้วยต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟโบราณ แทนกาแฟสไตล์ยุโรปแก้วละหลายสิบบาทที่มีอยู่เกลื่อนทั่วเมืองในขณะนี้ ... เป็นเวลาเกือบ 80 ปี ที่ร้านกาแฟเอี๊ยะแซอยู่คู่กับคนไทยผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด แต่รสชาติและความหอมของกาแฟก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง และแม้ว่าปัจจุบันกระแสความนิยมกาแฟสดจากต่างประเทศที่เข้ามาจะมีมากขึ้นเท่าใด แต่เอี๊ยะแซก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ นั่นคือ การขายกาแฟโบราณ ... ความทรงจำและตำนานของร้านกาแฟที่มีจุดกำเนิดจากรถเข็นขายกาแฟเล็กๆย่านเยาวราช ยังคงเป็นที่เล่าขานกันต่อไป และร้านเอี๊ยะแซจะยังคงประทับตราอยู่ในดวงใจของเหล่าคอกาแฟไทยไปอีกนานเท่านาน



ผู้บุกเบิก เริ่มต้นของร้านกาแฟชื่อดังนาม “เอี๊ยะแซ” ..... คือคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำนามว่า จิ้ง เหลี่ยน แซ่อุ่ย เขาเดินทางจากเกาะไหหลำเข้าสู่บางกอกตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ. 2470 พร้อมกับความรู้ด้านการคั่วกาแฟแบบไหหลำ แต่เขาเริ่มอาชีพแรกด้วยการเป็นหลงจู๊โรงเลื่อย จนเมื่อโรงเลื่อยได้ปิดกิจการลง จึงได้หันมาเริ่มกิจการรถเข็นขายกาแฟ รถเข็นขายกาแฟของ จิ้ง เหลี่ยน ขายประจำอยู่แถวเยาวราช ลูกค้าทุกคนต่างเรียกขาน คุ้นเคยกันดีในนามของ “กาแฟโกเหลี่ยน” แต่ความสำเร็จของโกเหลี่ยนเลื่องชื่ออยู่ได้ไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง ส่งกิจการสืบทอดสู่ลูกชายวัย 20 ปี ... นายเติม สิงคิลวิทย์ ลูกชายของโกเหลี่ยน เริ่มยุคที่สองของกิจการกาแฟ ด้วยการทำให้เป็น “ร้านกาแฟ” อย่างจริงจัง เขาตัดสินใจเปิดร้านกาแฟนาม “เอี๊ยะแซ” บนพื้นที่ 1 คูหา บริเวณถนนมังกร ย่านเยาวราช และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานกาแฟนาม “เอี๊ยะแซ” ซึ่งมีความหมายว่า “ร้านที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง” ... ลูกค้าของร้านในระยะแรกเริ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนผู้ใช้แรงงานย่านเยาวราช ไม่ว่าจะเป็นจับกัง หรือจีนลากรถ ด้วยงานที่หนัก เหนื่อย และต้องใช้แรงงาน พวกเขาจึงแสวงหาเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และสมัยนั้นก็ไม่มีอะไรที่ทำให้สดชื่นแจ่มใสได้ดีไปกว่ากาแฟ ... กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป เอี๊ยะแซยังคงก้าวต่อไปบนถนนสายกาแฟ พร้อมกับเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลา กิจการดีวันดีคืน จนตกทอดมาสู่รุ่นคุณประยุทธ์ ทองวิริยะกุล ลูกชายของเติม ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ดูแลร้านเอี๊ยะแซรุ่นที่ 3 พร้อมกับขยับขยายร้านให้ดูใหญ่โตโอ่โถ่งมากขึ้น ไม่เพียงแต่ขยายร้านเท่านั้น ในยุคนี้ ร้านกาแฟเก่าแก่แห่งนี้ยังได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้น โดยมีการขยายสาขาไปอยู่ตามศูนย์อาหาร ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆอีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น: